Tag : คณิตศาสตร์

กิจกรรมทดลองเรียนฟรี เดือนเมษายน 2563

jirayoon
Poster FT2020 A2 New

มาพัฒนาศักยภาพไปด้วยกันกับคุมอง ทดลองเรียนฟรีวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย วันที่ 1-14 เมษายน 2563 หรือ 17-30 เมษายน 2563 (เลือกเรียนแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น)

ขั้นตอนการเข้าร่วมโปรแกรมทดลองเรียน

  • ติดต่อศูนย์คุมองล่วงหน้าเพื่อนัดหมายการฟังปฐมนิเทศ

  • ผู้ปกครองเข้าฟังการปฐมนิเทศ และนักเรียนทำแบบทดสอบวัดระดับเพื่อกำหนดจุดเริ่มต้นเรียนที่เหมาะสม

  • นักเรียนไปเรียนที่ศูนย์คุมองสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง พร้อมรับการบ้านกลับไปทำในวันที่ไม่ได้มาที่ศูนย์

  • ผู้ปกครองรับฟังรายงานผลการเรียนของนักเรียนหลังจบโปรแกรมทดลองเรียน

*กรุณาติดต่อศูนย์คุมองใกล้บ้านล่วงหน้าเพื่อสำรองสิทธิ์

ค้นหาศูนย์คุมองได้ที่นี่

อ่านเรื่องราวความประทับใจในการเรียนคุมองได้ที่นี่

การทดลองเรียนฟรี! เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เริ่มเรียนคุมองจากการทดลองเรียนฟรีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่อนุบาล 3 ปัจจุบันจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ขณะเรียนอยู่ ม.3

พัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ทุกขณะ ตราบที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

คุณแม่ไม่เคยให้น้องหยุดเรียนคุมองเลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา จากเด็กป.5 ที่หารเลขไม่เป็น พลิกมาได้ที่ 1 ของห้องเพราะ…

ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!

การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนขึ้น ป.1 เป็นสิ่งจำเป็นมาก ยิ่งเขาสามารถอ่านออกและเข้าใจเรื่องราวได้เร็วเท่าไร ยิ่งทำให้เขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น

พัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ทุกขณะ ตราบที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

jirayoon

 

“เพราะพัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ในทุกๆ ขณะ ตราบใดก็ตามที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นน้องจึงไม่เคยหยุดเรียนคุมองเลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา”

 

 

น้องสามารถกล่าวสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษได้ ตั้งแต่ ป. 3-ป.4 เราเลยมองหาสิ่งที่จะสามารถต่อยอดในสิ่งที่ชอบให้กับเขา ซึ่งคุมองตอบโจทย์นี้ เพราะการใช้ภาษาได้ดีจะต้องมีคลังคำศัพท์ที่มากเพียงพอเพื่อที่จะสามารถสื่อและรับสารให้ได้ประเด็น คุมองเริ่มฝึกให้น้องได้รู้จักคำศัพท์ด้วยการฟังและออกเสียงตาม เรียนรู้รูปแบบประโยคและจับใจความสำคัญ สิ่งนี้ทำให้น้องได้เพิ่มพูนทักษะทางภาษาอังกฤษอย่างมาก น้องเอมเริ่มเรียนคุมองตอน  ป.5 น้องมีความสนใจและตั้งใจทำการบ้านทุกวัน ทำให้ผลการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในระดับแนวหน้าของโรงเรียน ขณะที่น้องมั่นใจในวิชาภาษาอังกฤษ แต่คณิตศาสตร์กลับเป็นในทางตรงกันข้าม น้องเอมไม่ชอบเอาเสียเลย แม้กระทั่งโจทย์หารง่ายๆ ยังทำไม่ได้ ซึ่งที่จริงแล้วเด็กทุกคนควรพัฒนาทักษะทั้งคณิตศาสตร์และภาษาควบคู่กันไป คุณแม่เลยอยากให้น้องได้มีโอกาสท้าทายตัวเองบ้าง เราจึงตกลงที่จะเรียนคณิตศาสตร์คุมองเพิ่มตอนป.5 เทอม 2 น้องเอมเรียน 2 วิชาควบคู่กันไป ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่ต้องให้กำลังใจเป็นพิเศษเพราะน้องกำลังทำในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ไม่ชอบไปพร้อมๆ กัน เพราะแน่นอนว่าสิ่งที่ชอบเด็กก็อยากทำ แต่สิ่งที่ไม่ชอบเขาก็มีอิดออดเป็นธรรมดา

 

 

 

คำว่า “ชอบ” ของเด็ก ที่จริงก็คือสิ่งที่เขาทำได้ดีหรือมีคนชม!

 

 

ดังนั้นทุกครั้งที่น้องทำแบบฝึกหัดเสร็จคุณแม่ก็จะชมเสมอ ชมในสิ่งที่น้องพัฒนาขึ้น เช่น ผิดน้อยลง ทำข้อที่เคยทำผิดได้ถูกต้อง สิ่งนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กๆ แล้วการยอมรับและคำชื่นชมจากคนที่เขารักเป็นกำลังใจและแรงผลักดันที่ดีที่สุด เวลาที่น้องเอมยิ้มหน้าบานออกมาจากศูนย์แล้วบอกแม่ว่า “วันนี้หนูทำได้” คุณแม่ก็จะดีใจไปกับเขา แต่ถ้าบางวันที่เขาเดินออกมาหน้ามุ่ยแล้วบอกว่า “วันนี้ยากจัง” คุณแม่ก็จะให้กำลังใจเขา ผ่านไป 1 ปีน้องเอมมีความมั่นใจมากขึ้น เขาสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอได้เป็นลำดับที่ 9 ห้อง Gifted ซึ่งก็แน่นอนว่าคะแนนวิชาภาษาอังฤษที่ได้เกือบเต็มเป็นตัวชูโรง แต่สำหรับคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้เป็นตัวฉุดคะแนนเขา เพราะตอนจบ ป. 6 น้องเอมเรียนจบระดับ M ในวิชาภาษาอังกฤษ EFL (อ่านเนื้อเรื่องและบทความที่มีความยาว 1,000-1,100 คำ ) และเรียนจบระดับ H วิชาคณิตศาสตร์ (สมการและอสมการ)

 

 

น้องเอมเอาความรู้ภาษาอังกฤษไปใช้อะไรบ้าง?

นอกจากการเรียนที่โรงเรียนจะราบรื่นแล้ว หนูมักจะเป็นตัวแทนโรงเรียนไปสอบแข่งขันตามที่ต่างๆ เสมอ ที่น่าประทับใจคือหนูได้รับรางวัลรองชนะเลิศ Impromptu Speech ระดับม. 1 และ ม. 3 ค่ะ

 

แล้วตอนนี้ยังไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่หรือไม่?

ที่จริงตอนนี้หนูชอบคณิตศาสตร์มากกว่าภาษาอังกฤษแล้วค่ะ เพราะได้ใช้บ่อยกว่า คณิตศาสตร์มีวิธีที่เรียนรู้ได้จากตัวอย่าง และฝึกทำความเข้าใจถึงวิธีการด้วยตนเองได้ง่าย หลายเรื่องที่คุณครูไม่ได้สอนในชั้นเรียนเราก็สามารถเอาหนังสือมาศึกษาตัวอย่างและลองทำได้

 

จำได้หรือไม่ว่าเปลี่ยนมาชอบคณิตศาสตร์ตอนไหน?

จำได้ว่าตอนป. 5 คุณครูที่โรงเรียนทำโทษเพราะทำหารไม่ได้ เลยทำให้เกลียดคณิตศาสตร์มาก แต่โชคดีที่ได้มาเรียนคุมองตอนเทอม 2 เริ่มเรียนตั้งแต่เรื่องบวกเลยค่ะ แบบฝึกหัดช่วงแรกๆ เราจึงทำได้ ก็เลยยอมเรียนต่อ เรียนมาเรื่อยๆ คู่กับภาษาอังกฤษ EFL แล้วก็เริ่มรู้สึกสนใจคณิตศาสตร์มากขึ้น ไม่กลัวแล้วหนีเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ

 

จากรั้งท้ายของห้องขึ้นมาเป็นที่ 1

 

ประมาณ ม. 2 หนูสอบได้อันดับหนึ่งวิชาคณิตศาสตร์ หนูดีใจมากๆ นั่นคงเป็นจุดเปลี่ยนของหนูที่ทำให้เริ่มชอบวิชาคณิตศาสตร์มากขึ้น “เวลาที่ต้องกรอกเอกสารการเรียน ก็ภูมิใจลึกๆ ตอนเขียนเลข 4 ในช่องเกรดคณิตศาสตร์” ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะชอบคณิตศาสตร์ได้ จากที่เคยถูกคุณครูทำโทษเพราะทำไม่ได้ กลายเป็นว่าคุณครูจะบอกเพื่อนๆ ในชั้นว่า “ถ้าไม่เข้าใจก็ไปถามเอมเขานะ”  ตอนนี้เลยเป็นคนที่คอยติวให้เพื่อนๆ ด้วยค่ะ ยิ่งพอขึ้นมัธยมปลาย เห็นได้ชัดมากคือสิ่งที่เรียนจากคุมองสามารถนำไปใช้ได้จริงที่โรงเรียน เหมือนเราได้ฝึกทำแบบฝึกหัดล่วงหน้ามาแล้ว เวลาอาจารย์สอน เราก็เข้าใจหลักการได้ทันที บางครั้งที่ต้องอ่านหนังสือเรียนด้วยตนเองเพื่อเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้เรียนที่โรงเรียน เราก็สามารถศึกษาจากตัวอย่างได้สบาย ตอนนี้เรื่องที่ชอบมากที่สุดคือ แคลลูลัสและอินทิกรัล

 

“ถ้าถามว่า ม.6 แล้วทำไมยังเรียนคุมองต่ออีก คือในเมื่อเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเรียนจบระดับสุดท้ายทั้ง 2 วิชา จะช้าจะเร็วเราก็ต้องเรียนจบให้ได้ มันคือความท้าทายที่เราจะต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้มากกว่าค่ะ

 

อยากเป็นกำลังใจให้น้องๆ นะคะ โดยเฉพาะน้องๆ มัธยมที่ต้องการกำลังใจเป็นอย่างมากในการแบ่งเวลาสำหรับการเรียน กิจกรรม และการสอบ พี่เชื่อว่าเราทุกคนทำได้ค่ะ ขอให้ยึดมั่นในเป้าหมายที่วางไว้แล้วเอาชนะใจตัวเองให้ได้ เอมเข้าร่วมกิจกรรม KAP (Kumon Achiever Program) และวางแผนว่าจะเรียนจบระดับสุดท้ายภายในเดือนธันวาคม 2562 นี้ค่ะ แล้วพวกเรามาเป็น Completer ด้วยกันนะคะ

 

****

ณัฐณิชา ชัยนา (ชะเอม) – มัธยมศึกษาปีที่ 6

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL (ปี 2015)

ณ วันสัมภาษณ์    กำลังศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ ระดับ O (ระดับสุดท้าย: การประยุกต์แคลลูลัส อินทิกรัลและสมการเชิงอนุพันธ์)

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ (ปี 2020)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าหนูจะเป็นนักบิน ต้องเรียนเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ!

ด้วยความประทับใจที่ได้เดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้น้องอยากเป็นนักบิน คุณลุงที่เป็นกัปตันเลยบอกน้องว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูต้องเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ”

ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!

การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนขึ้น ป.1 เป็นสิ่งจำเป็นมาก ยิ่งเขาสามารถอ่านออกและเข้าใจเรื่องราวได้เร็วเท่าไร ยิ่งทำให้เขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

ถ้าผมไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมคงไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้

jirayoon

 

ผมก็เหมือนเด็กมัธยมต้นทั่วไป การเรียนอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร ตอนสอบเข้าเรียนต่อม.4 ผมก็สามารถสอบเข้าได้ แต่นั่นคือจุดเปลี่ยนของผมครับ ผมสอบได้ลำดับที่ 199 จาก 200!

 

พี่ชายลูกคุณลุงซึ่งเราสนิทกันถึงแม้อายุจะห่างกัน ตอนนั้นผมขึ้น ม.4 พี่เขากำลังจบเป็นเภสัชกร พี่เขาพูดขึ้นว่า “ภัทรแน่ใจหรือว่าเราอยากจะอยู่ตรงนี้ ตรงที่199” มันทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมคงต้องขอคำแนะนำจากพี่แล้ว พี่เขาช่วยหาที่เรียนพิเศษให้ชื่อว่า “คุมอง” พี่พาผมไปที่ศูนย์คุมอง คุณครูที่ศูนย์ได้อธิบายเกี่ยวกับระบบการเรียนแบบคุมองให้ฟังและผมได้ทำแบบทดสอบ ผมได้จุดเริ่มต้นอยู่ที่ระดับ 3A (การบวก1) แสดงให้เห็นว่าการเรียนที่โรงเรียนที่ผ่านมา ที่ผมคิดว่ามันยากนั้นคงเกิดจากพื้นฐานของผมเองที่มีไม่เพียงพอ คุณครูที่ศูนย์เขาถามผมว่า ผมเป็นเด็กมัธยมแล้วแน่ใจเหรอที่จะเรียน แต่ถ้าผมมีความมุ่งมั่นจริงๆ ผมสามารถเรียนทันชั้นเรียนได้แน่นอน แต่ว่าต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ ที่จริงแล้วผมก็พอรู้จักคุมองบ้าง เพราะเคยเห็นเพื่อนเก่งๆ เขาเอาแบบฝึกหัดระดับ M หรือ N ซึ่งเป็นพีชคณิตที่เราจะต้องเรียนตอนมัธยมปลายมานั่งทำที่โรงเรียน ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเก่ง คุณครูบอกว่าถ้าผมคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ผมต้องตั้งเป้าหมายให้จบระดับสุดท้ายก่อนขึ้น ม.6 นั่นหมายความว่าผมมีเวลาไม่ถึง 2 ปีที่จะเรียนให้จบระดับสุดท้าย คุณครูวางแผนการเรียนแล้วอธิบายว่าผมสามารถที่จะเป็น Completer ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี แต่ผมจะต้องมีความเพียรพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ผมพร้อมที่จะสู้หรือไม่ คุณครูบอกผมว่า “ระบบคุมองให้โอกาสกับเด็กทุกๆ คน เพราะเป็นการเรียนเฉพาะตัว ครูก็จะเต็มที่กับเด็กทุกๆ คน ถ้าเขามีความมุ่งมั่นและเพียรพยายาม” คุณครูให้ผมกับพี่ชายกลับไปทบทวนว่าอยากจะเรียนจริงๆ หรือไม่ก่อนที่จะรับสมัคร

 

ผมตัดสินใจสมัครเรียนในวันต่อมา ผมเริ่มเรียนคุมองที่ระดับ 3A ตามจุดเริ่มต้นที่ผมได้จากการทดสอบวัดพื้นฐาน แบบฝึกหัดที่ทำคือเริ่มเรื่องบวก ผมนั่งอยู่ท่ามกลางเด็กอนุบาลและเด็กประถมซึ่งหลายคนทำเรื่องคูณหารกันแล้ว ผมกลับมามองตัวเองว่า ถ้าผมไม่ตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและไม่มุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ความรู้ของเราก็คงได้เป็นเพียงเด็กประถม ผมเริ่มทำแบบฝึกหัดจำนวนเยอะขึ้น และแน่นอนต้องมีการทำซ้ำ ซึ่งในครั้งแรกๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซ้ำ ทำไมต้องลบในจุดที่ผิดแล้วแก้ไขให้มันถูกต้อง แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมเข้าใจว่าการทำซ้ำแต่ละครั้งทำให้ผมเข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้น และการแก้ไขเฉพาะจุดที่ผิดนั้นทำให้ผมมีความระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน ผมใช้เวลา 9 เดือนจึงสามารถจบระดับ I และขึ้นระดับ J (เริ่มเนื้อหาชั้นมัธยมปลาย) ในช่วงปิดเทอม ก่อนขึ้นม.5 คุณครูให้ผมร่วมวางแผนการเรียนในช่วงปิดเทอม ผมขอทำแบบฝึกหัดมากขึ้น เนื้อหาในแบบฝึกหัดเริ่มยากขึ้นมาก เพราะผมเริ่มเรียนทันชั้นเรียนแล้ว ผมใช้เวลาฝึกทำแบบฝึกหัดเรื่องการแยกตัวประกอบ (ระดับ J) กว่า 2 เดือน ซึ่งก็ทำให้ท้อบ้างเหนื่อยบ้าง คุณครูให้กำลังใจผมแล้วก็บอกว่าถึงแม้ว่าผมจะมาเริ่มเรียนคุมองช้ากว่าคนอื่น แต่ถ้าเราค่อยๆ ทำไปอย่างต่อเนื่อง เราก็จะมีความรู้ความชำนาญเอง ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ จากเด็กที่เล่นเกมในยามว่างเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป จะเปลี่ยนมาเป็นเด็กที่มุ่งมั่นใช้เวลาในการฝึกฝนตัวเองให้มีทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ดีเยี่ยม แต่น่าแปลก บนหนทางของความยากลำบากนั้น ทักษะต่างๆ ที่ผมเริ่มสั่งสมจากการทำการบ้านคุมองทุกๆ วันทำให้ผมสามารถจัดสรรเวลาในการดูแลวิชาอื่นด้วยเช่นกัน ถึงแม้วิชาอื่นจะไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้เป็นภาระเวลาสอบเหมือนสมัยมัธยมต้น เมื่อผมเริ่มเรียนเกินชั้นเรียน เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ผมได้เพียรพยายามมาตลอดระยะเวลา 1 ปี มันส่งผลต่อการเรียนของผมจริงๆ แน่นอนครับผมไม่ใช่ที่ 199 อีกต่อไป เมื่อผมจบระดับสุดท้ายของคุมอง (ระดับ O200) ด้วยระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ไม่ต้องพูดถึงผลการเรียนที่โรงเรียนนะครับ เพราะแน่นอนมันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นอนาคตของการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยผมเลือกคณะเภสัชเป็นอันดับ 1 เหมือนพี่ชายของผม แต่ชีวิตก็ไม่เหมือนละครใช่ไหมครับ ผมไม่ติดเภสัช แต่ผมก็ติดวิศวะซึ่งเป็นอีกวิชาหนึ่งที่ผมชอบครับ ผมคิดว่าถ้าผมได้เริ่มเรียนคุมองตั้งแต่ยังเล็กผมคงมีโอกาสที่ดีกว่านี้ และผมก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าผมไม่ได้เรียนคุมอง ชีวิตตอนนี้ของผมจะเป็นอย่างไรบ้าง

 

สำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย เด็กมัธยมหลายๆ คน ที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีอิสระมาก  แน่นอนว่าจะต้องพบเจอกับความยากลำบากในการเรียน การบริหารจัดการเวลาในการเรียน และการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะปี 1 แต่สำหรับผมทักษะที่ได้จากคุมองไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความรับผิดชอบและทางวิชาการ ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ต้องใช้คณิตศาสตร์อย่างมาก ทำให้ผมสามารถเรียนได้อย่างราบรื่น และมีเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับเพื่อนๆ และคณะ

 

อยากบอกน้องๆ ทุกคนว่า ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงเราได้นอกจากตัวของเราเอง อย่าคิดว่าเป็นเด็กมัธยมแล้วจะช้าเกินไป ทุกๆ คนมีโอกาส คุมองไม่เหมือนการเรียนกวดวิชา คุณจะเริ่มที่อายุเท่าไรก็ได้ เพราะคุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัวเพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีและมีเป้าหมายอย่างชัดเจน เพียงน้องๆ คิดที่จะเริ่มและมีความมุ่งมั่น จงเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมอ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลครับ

 

น้องภัทร ภัทรพงศ์ ยศบุตร (จบระดับสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ ปี 2016)

ปัจจุบัน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การทดลองเรียนฟรี! เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เริ่มเรียนคุมองจากการทดลองเรียนฟรีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่อนุบาล 3 ปัจจุบันจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ขณะเรียนอยู่ ม.3