Category : ข่าวสาร

ถ้าหนูจะเป็นนักบิน ต้องเรียนเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ!

jirayoon

 

ถ้าหนูจะเป็นนักบิน ต้องเรียนเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ!

 

 

 

ด้วยความประทับใจที่ได้เดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้น้องอยากเป็น “นักบิน” คุณลุงที่เป็นกัปตันเลยบอกน้องว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูจะต้องเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ” ตอนนั้นแก้มบุ๋มอยู่อนุบาล 1 เมื่อน้องมีความฝันคุณแม่ก็อยากที่จะเติมเต็มความฝันให้เขา เมื่อน้องมีแรงจูงใจและเป้าหมายแล้ว ผู้ปกครองอย่างเราก็มีหน้าที่เตรียมความพร้อมต่างๆ ให้กับเขา คุณแม่เองเริ่มที่จะหาข้อมูลในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีที่ไหนรับสอนเด็กเล็กๆ บ้าง และคุณแม่พบว่าแนวการสอนของคุมองจะช่วยส่งเสริมทักษะต่างๆ ของแก้มบุ๋มได้ พอดีกับที่คุมองมีกิจกรรมทดลองเรียน เราเลยพากันมาลองเรียน โดยเริ่มที่วิชาคณิตศาสตร์ก่อน ตอนนั้นน้องเริ่มต้นเรียนที่ระดับแรกเลย คือเรื่องจำนวน ตัวเลขและฝึกลากเส้น หลังจากเรียนไปได้ 2 อาทิตย์ เราเห็นพัฒนาการของเขาว่าเขาสามารถที่จะทำแบบฝึกหัดให้เสร็จได้ตามที่กำหนด คุณแม่เลยถามคุณครูว่าน้องสามารถเรียนต่อได้หรือไม่ คุณครูบอกว่า การเริ่มสร้างทักษะที่ดีให้กับลูกควรเริ่มต้นให้เร็วที่สุด เด็กเล็กก็สามารถเรียนได้ แต่คุณแม่จะต้องมีความพร้อมด้วยเช่นกัน

 

 

 

“อะไรคือความพร้อมของผู้ปกครองที่ต้องมีคะ?

คุณแม่ : เราต้องมี “ใจ” ค่ะ ใจที่เชื่อว่าลูกเราทำได้และต้องเชื่อว่าสิ่งที่เรามอบให้กับเขาเป็น “ประโยชน์” ที่จะเกิดในอนาคต และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือการมองเห็นถึง “พัฒนาการ” ของลูกมากกว่า “ความคาดหวัง” ของเรา คุณแม่เคยได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่า เด็กควรมีกิจกรรมอะไรที่ทำเป็นประจำโดยกำหนดระยะเวลาและเป้าหมาย การฝึกเช่นนี้จะช่วยสร้างสมาธิให้กับเด็กได้มาก ดังนั้นคุมองจึงเป็นกิจกรรมของครอบครัวเราค่ะ ตอนน้องยังเล็กเราต้องจัดสภาพแวดล้อมในการทำแบบฝึกหัดที่บ้านให้เหมาะกับเขา และจัดตารางเวลาในการทำแบบฝึกหัดเป็นประจำ และที่สำคัญเราต้องเป็นกำลังใจให้กับเขาเมื่อเขาท้อ และชื่นชมเขาเมื่อเขาทำได้เสมอ นั่นคือความพร้อมของผู้ปกครองค่ะ

 

 

“เคยเบื่อบ้างไหม?

น้องแก้มบุ๋ม : (หัวเราะ) บ่อยค่ะ คือความเบื่อมันมาเป็นช่วงๆ ค่ะ มันเกิดจากทั้งปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นงานที่โรงเรียน กิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมและจากตัวเราเองเมื่อเนื้อหาในแบบฝึกหัดยากขึ้น แต่โชคดีที่หนูเริ่มเรียนคุมองตั้งแต่ยังเล็ก และคุณแม่ก็ให้กำลังใจมาตลอดทำให้เรามีกำลังในการฮึดสู้ อย่างช่วงที่เรียนเกินชั้นเรียนไปมากๆ เนื้อหาใหม่ก็เริ่มยากขึ้นและเป็นเนื้อหาที่ยังไม่มีที่โรงเรียน หนูก็คิดว่าแล้วหนูจะเรียนไปทำไม จะเลิกเรียนดีไหม

 

 

“แล้วเริ่มรู้สึกว่าเราเริ่มมาถูกทางตอนไหนคะ?

น้องแก้มบุ๋ม : หลังจากที่หนูเรียนเกินชั้นเรียนไปมากๆ แล้วพบว่าหนูสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองจากแบบฝึกหัด การสั่งสมทักษะ และการพึ่งพาตนเองนั้นทำให้หนูสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือค้นหาสิ่งที่หนูสนใจเพิ่มเติมได้ และเมื่อผ่านไปสักพักหนูพบว่าเนื้อหาที่หนูเรียนเกินชั้นเรียนมาเริ่มมีสอนที่โรงเรียนทำให้เข้าใจที่คุณครูสอนได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถช่วยอธิบายเพื่อนๆ ในห้องได้ด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ค่ะ ที่เราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้

ช่วงที่เรียนเกินชั้นเรียนไปมากๆ ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่ด้วยกำลังใจที่ได้จากคุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งทักษะและความอุตสาหะที่หนูสั่งสมมาจากการเริ่มเรียนคุมองตั้งแต่อนุบาล ทำให้หนูสามารถเอาชนะใจตัวเองและผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ เกรด 9 (ม.3) และทำคุมองวิชาคณิตศาสตร์ระดับ M (ฟังก์ชั่นตรีโกณมิติ สมการเส้นตรง และสมการวงกลม) ซึ่งเป็นเนื้อหาระดับชั้นมัธยมปลาย

 

 

“ก้าวแรกที่ทำให้ชอบภาษาอังกฤษเกิดขึ้นจากการที่ได้อ่านเรื่องสนุกๆ ในแบบฝึกหัดคุมอง”

 

“เริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนไหนคะ?

เริ่มจากมาทดลองเรียนวิชาภาษาอังกฤษ EFL ค่ะ พอเริ่มเรียนทำให้หนูได้เรียนรู้คำศัพท์มากขึ้นและฝึกอ่าน โดยเริ่มจาก วลี ประโยค บทความสั้นๆ และเนื้อเรื่องที่ค่อยๆ ยาวขึ้น การฝึกฝนทำแบบฝึกหัดทุกๆ วันอย่างต่อเนื่องทำให้หนูมีคลังคำศัพท์และสามารถอ่านจับใจความได้ดี ซึ่งทักษะนี้มีความจำเป็นมากต่อการเรียนที่โรงเรียน นอกจากนี้เนื้อเรื่องต่างๆ ในแบบฝึกหัดก็น่าสนใจ อย่างเช่นเรื่อง “พีระมิดแห่งเมืองกิเซห์” ในระดับ M* หรือ เรื่อง “Goal” ในระดับ N* ที่เนื้อหาสนุกจนหนูต้องตามไปหาหนังสือมาอ่านจนจบ การอ่านทำให้หนูเพิ่มพูนประสบการณ์และมีความรู้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นค่ะ

*วิชาภาษาอังกฤษ EFL ระดับ M-N อ่านเรื่องและบทความที่มีความยาวประมาณ 1,000-1,200 คำต่อแบบฝึกหัด10 แผ่น

 

 

“นอกจากเรื่องราวสนุกๆ ในแบบฝึกหัดแล้วหนูได้อะไรจากการเรียนวิชาภาษาอังกฤษอีกคะ?

หนูเข้าใจเรื่อง Tenses (การเปลี่ยนรูปกริยา) ค่ะ และที่สำคัญคือ Comprehension (การจับใจความ) โดยเฉพาะการทำข้อสอบ เราสามารถอ่านเรื่องยาวๆ แล้วจับประเด็นได้ว่า คำถามต้องการถามอะไรจึงหาคำตอบได้ไม่ยาก

 

“เป้าหมายต่อไปของน้องแก้มบุ๋มคืออะไรคะ?

จบระดับสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ ถึงตอนนี้ความฝันของหนูที่อยากจะเป็นนักบินยังคงอยู่ แต่ก็แอบชอบอาชีพอื่นๆ

อย่างจิตแพทย์ และนักเขียนด้วย ต้องขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ค่ะ ที่ให้โอกาสหนูเรียนคุมอง ทำให้ตอนนี้หนูมีความมั่นใจทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ ซึ่งทำให้หนูมีโอกาสเลือกในสิ่งที่หนูชอบได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านวิชาการ และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอทำให้หนูมีความรับผิดชอบและทักษะในการบริหารจัดการเวลาจนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ กับโรงเรียน และสามารถทำในสิ่งอื่นๆ ที่หนูสนใจ เช่น ร้องเพลงและการเต้นได้โดยไม่กระทบกับการเรียน

 

 

“อยากฝากอะไรถึงเพื่อนๆ และผู้ปกครองบ้างคะ?

อยากบอกเพื่อนๆ ว่า สิ่งที่เราเพียรพยายามอยู่ทุกวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ

 

คุณแม่เชื่อว่า ศักยภาพสร้างได้ตั้งแต่วัยเยาว์ การฝึกให้เขามีทักษะที่จะคิดได้ด้วยตัวเองนั้นต้องใช้เวลาในการสร้าง เช่นเดียวกับสมาธิ เราก็ต้องค่อยๆ สร้าง ซึ่งแน่นอนต้องอาศัยเวลาและความเข้าใจของพ่อแม่ผู้ปกครอง ถ้าเราสังเกตเราจะรู้ได้ว่าลูกเรามีพัฒนาการดีขึ้นในทุกๆ วัน กำลังใจและคำชม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยจุดประกายความมุ่งมั่นให้กับเขา คุณแม่ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปกครองทุกๆ คนนะคะ

 

 

*******

 

น้องแก้มบุ๋ม และ คุณแม่

ปัณดารีย์ บุญมาก (แก้มบุ๋ม) – มัธยมศึกษาปีที่ 3

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL (ปี 2019)

ปัจจุบันกำลังศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ ระดับ M (ฟังก์ชั่นตรีโกณมิติ สมการเส้นตรง และสมการวงกลม)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!

การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนขึ้น ป.1 เป็นสิ่งจำเป็นมาก ยิ่งเขาสามารถอ่านออกและเข้าใจเรื่องราวได้เร็วเท่าไร ยิ่งทำให้เขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น

พัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ทุกขณะ ตราบที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

คุณแม่ไม่เคยให้น้องหยุดเรียนคุมองเลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา จากเด็กป.5 ที่หารเลขไม่เป็น พลิกมาได้ที่ 1 ของห้องเพียงเพราะการฝึกฝนสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง

การอ่านออกไม่ได้หมายความว่าอ่านแล้วเข้าใจ

เมื่อเราสามารถอ่านแล้วเข้าใจ จับใจความสำคัญได้ดี ทักษะนี้สามารถนำไปบูรณาการกับกลุ่มสาระวิชาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาสังคม ประวัติศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์

ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!

jirayoon

“การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนขึ้น ป.1 เป็นสิ่งจำเป็นมาก

ยิ่งเขาสามารถอ่านออกและเข้าใจเรื่องราวได้เร็วเท่าไร ยิ่งทำให้เขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น”

 

 

ทำไมผู้ปกครองถึงให้น้องเริ่มเรียนภาษาไทยตั้งแต่อนุบาล?

การเป็นคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้ต้องเปิดกว้างรับรู้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และแสวงหาแนวทางในการเตรียมความพร้อมให้ลูกๆ ของเราเท่าที่จะทำได้ ฟีนิกซ์เรียนอนุบาลที่โรงเรียนสาธิตฯ ซึ่งเน้นให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ มากกว่าเนื้อหาทางวิชาการซึ่งยังไม่ได้ฝึกให้เด็กอ่าน แต่ถ้าขึ้นป.1 เด็กจะต้อง “อ่านได้” ทำให้คิดว่าเราควรเตรียมความพร้อมให้กับลูกก่อน เราเองเห็นความสำคัญของภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาแม่เพราะเชื่อว่าถ้าน้องสามารถสื่อสารได้อย่างเข้าใจ น้องจะสามารถเปิดมุมมองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ไม่ยาก พอมีเพื่อนที่เป็นคุณครูผู้ช่วยศูนย์คุมองมาเล่าให้ฟังว่าคุมองมีวิชาการอ่านภาษาไทยนะ ทำให้เราสองคนตัดสินใจพาลูกมาทดสอบที่ศูนย์คุมอง ตอนนั้นฟีนิกซ์เพิ่งขึ้นอนุบาล 2 นอกจากจะได้ฝึกออกเสียงพยัญชนะ สระและคำแล้ว ยังเขียนตามรอยเพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อและบังคับข้อมืออีกด้วย สำหรับผู้ใหญ่อย่างเรา การเขียนอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มเขียนแล้วนั้นเหมือนกับการวิ่งขึ้นเขาเลยทีเดียว ดังนั้นการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอนอกจากจะช่วยเสริมทักษะทางวิชาการแล้ว เขายังได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ฝึกฝนการบังคับข้อมือให้ไปในทิศทางที่ต้องการและฝึกสมาธิไปในตัว พอฟีนิกซ์จะขึ้นป.1 เขาก็จบระดับ A II (อ่านทำความเข้าใจความต่อเนื่องของเนื้อเรื่องสั้นๆ) พอดี ทำให้น้องไม่มีปัญหาในการปรับตัวเมื่อชั้นป.1

 

 


กว่าน้องจะทำแบบฝึกหัดทุกๆ วันได้เองยากไหม?

“ยากค่ะ! แต่ก็คุ้ม” อันที่จริงการมีการบ้านทุกวันคือปัจจัยหนึ่งที่เราตัดสินใจเลือกให้ลูกๆ เรียนคุมอง เพราะเราสองคนต้องการให้เขาฝึกจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ดังนั้นการหากิจกรรมที่มีคุณค่าให้เขาทำในสัดส่วนที่มาก ก็จะทำให้เด็กๆ มีเวลากับเกมและโทรศัพท์น้อยลง เราจึงเลือกคุมองซึ่งเริ่มต้นที่เนื้อหาง่ายๆ ทำให้เขาสนุกกับการทำแบบฝึกหัด ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษโดยจัดสรรสถานที่และเวลาในการทำการบ้านให้เขาและอยู่เป็นกำลังใจให้กับเขา เมื่อผ่านไประยะหนึ่งเขาจะสัมผัสได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นความสำคัญของครอบครัว และการทำทุกๆ วันก็จะกลายเป็นกิจวัตรของเขาไปเอง อย่างไรก็ดีในบางครั้งที่เราสังเกตได้ว่าเขามีปัญหาหรือพบความยากลำบาก เราก็จะให้กำลังใจเขาเป็นช่วงๆ ไป แต่ที่พวกเรามั่นใจมากคือการสร้างทักษะนี้เริ่มเร็วเท่าไรยิ่งดี พัฒนาการและผลจากการเรียนของน้องฟีนิกซ์ทำให้เราสองคนตัดสินใจให้น้องมิวนิกเริ่มเรียนคุมองตั้งแต่อนุบาล 1 เลย ตอนนี้ฟีนิกซ์เขารับหน้าที่ดูแลน้องทำการบ้านแทนเราสองคน

 

 

เคยคิดที่จะให้น้องหยุดเรียนบ้างหรือไม่?

เรื่องมีอยู่ว่าตอนป.2 ฟีนิกซ์เรียนเกินชั้นเรียนมากแล้ว น่าจะระดับ G II (เขียนประโยคสรุปความของย่อหน้าที่อ่าน โดยตระหนักถึงภาคประธานและภาคแสดงของประโยคสรุปความแต่ละย่อหน้า รวมทั้งขอบเขตของย่อหน้า) พวกเรามีความรู้สึกว่ามันยากไปสำหรับลูก (คิดแทนเขา) เลยคิดว่าจะให้เขาหยุดเรียนไปก่อน โชคดีที่เราตัดสินใจเข้าไปปรึกษากับคุณครูที่ศูนย์ว่าอยากย้ายมาเรียนวิชาคณิตศาสตร์แทน คุณครูแนะนำว่า “ถ้าคุณพ่อคุณแม่คิดว่าตอนนี้น้องเรียนภาษาไทยยากแล้วอยากย้ายมาเรียนคณิตศาสตร์ แล้วถ้าเรียนคณิตศาสตร์ไปสักพักหนึ่งพบว่ายากอีก คุณพ่อคุณแม่จะทำอย่างไร?” ทำให้เราฉุกคิดไว้ว่าเราเกือบรังแกลูกด้วยความหวังดีหรือคิดแทนเขาไปแล้ว ถ้าเราให้เขายอมแพ้กับความยากหรือหนีอุปสรรคที่เขาเผชิญแล้วต่อไปอนาคตเขาจะเป็นคนอย่างไร? สรุปว่าวันนั้นเราได้ร่วมกันปรับแผนการเรียนของฟีนิกซ์ใหม่ โดยลดจำนวนแผ่นที่ต้องทำต่อวันในชุดที่ยากลงในช่วงแรก และกลับมาทำจำนวนแผ่นเท่าเดิมในการทำซ้ำรอบถัดๆ มา

 

 

ฟีนิกซ์จำได้ไหมว่าตอนนั้นทำไมถึงอยากหยุดเรียน?

“…พอเรียนเกินชั้นเรียนเนื้อหาก็ยากขึ้น สงสัยตอนนั้นผมคงจะงอแง! ปาป๊า เลยบอกว่าหยุดเรียนเหอะ ปาป๊ารำคาญ …”

(วงสนทนา : หัวเราะ!)

 

แล้วได้หยุดเรียนไหม?

“ไม่ได้หยุดครับ… แค่ลดจำนวนแผ่นการบ้านลงแล้วก็ถามคุณครูบ้างตรงที่ผมไม่แน่ใจ”

“ที่จริงผมก็บอกปาป๊านะครับ ว่าไม่ต้องหยุดหรอกผมทำได้!”

(คุณพ่อคุณแม่ : อมยิ้ม!)

 

 

ฟีนิกซ์เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาการอ่านภาษาไทยเมื่อไร แล้วนำเอาทักษะที่ได้ไปใช้อะไรบ้าง?

ผมเรียนจบระดับสุดท้ายวิชาการอ่านภาษาไทยตอน ป.3 ทำให้ผมมีทักษะการอ่านจับใจความและสรุปความ ซึ่งช่วยให้ผมเข้าใจเนื้อหาวิชาอื่นๆ ที่โรงเรียนได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นเวลาเรียน “ภาษาพาที” ก็สามารถนำทักษะการอ่านจับใจความไปใช้ได้มาก รวมถึงการทำรายงานกลุ่มซึ่งผมจะเป็นคนหลักในการสรุปรายงานแทนเพื่อนๆ ที่จริงแล้วการอ่านจับใจความยังนำไปใช้ในวิชาอื่นๆ ได้อีกนะครับ อย่างเช่นตอนทำข้อสอบโจทย์ปัญหาวิชาคณิตศาสตร์ ผมสามารถอ่านโจทย์แล้วเข้าใจว่าโจทย์ถามอะไรแล้วนำมาคำนวณเพื่อให้ได้คำตอบ ผมเริ่มเรียนคุมองวิชาคณิตศาสตร์ควบคู่ไปด้วยตอนจะขึ้นป.3 ครับ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ระดับ F เรื่องการบวก ลบ คูณ และหารเศษส่วนแล้วครับ ต่อไปผมตั้งใจจะเป็น Completer วิชาคณิตศาสต์ให้ได้ครับ

 

กว่าน้องจะมาถึงจุดนี้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นพัฒนาการอะไรบ้าง?

ทางด้านวิชาการ ตอนน้องไปสอบพรีประถมระดับจังหวัด เขาได้คะแนนวิชาภาษาไทยและสังคมสูงโดดเด่นมาก เวลาทำกิจกรรมหรือรายงานกลุ่ม เขาก็จะเป็นคนนำเพื่อนๆ ในการอ่านและสรุปรายงาน ถือว่าเป็นคนหลักของกลุ่มเลยก็ว่าได้ ฟีนิกซ์เติบโตจากการฝึกฝนในการทำการบ้านทุกๆ วันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เด็ก ทำให้เขามีความรับผิดชอบสูงมากเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน เขาสามารถรับฟังและเข้าใจเวลาเราสอนเขาด้วยเหตุผล ดูเขาเป็นคนช่างคิดช่างค้นคว้าและใฝ่รู้

 

 

“ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!”

 

ถ้าวันนั้นพวกเราตัดสินใจให้ฟีนิกซ์หยุดเรียนโดยคิดเอาเองว่าลูกไม่ไหวแล้วคงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก พวกเราจึงอยากฝากเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกคน ขอให้ยึดมั่นในจุดยืนว่าเราอยากจะสร้างให้เขาเป็นคนเช่นไร หลายครั้งที่ลูกๆ งอแง ดื้อ หรือดูเหนื่อย ด้วยความรักความสงสารของเรา อาจทำให้เราลืมมองปัญหาที่แท้จริงไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร ที่เขาไม่อยากทำการบ้านเป็นเพราะยากไปหรือเขาเหนื่อยจากกิจกรรมอื่นๆ คุมองเป็นระบบการเรียนที่ไม่เหมือนที่ไหนผู้ปกครองและเด็กสามารถร่วมวางแผนการเรียนกับคุณครูที่ศูนย์ได้ ทำให้มีความคล่องตัวสูงและสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานะการณ์ที่ลูกๆ ต้องเจอ ถ้าช่วงนี้มีกิจกรรมที่โรงเรียนมากหรือใกล้สอบอาจจะขอลดปริมาณการบ้านลง แล้วค่อยกลับไปเพิ่มตอนสอบเสร็จหรือปิดเทอม ซึ่งถ้าผู้ปกครองอย่างเราสามารถยึดมั่นกับจุดยืนที่เราวางไว้ ว่าเราอยากให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ มีวินัยและสามารถช่วยเหลือตนเองได้เมื่อเผชิญอุปสรรค เราก็ต้องเป็นกำลังใจและสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้อำนวยต่อการฝึกฝนของลูกๆ และที่สำคัญต้องมีความอดทนเพียงพอที่จะเฝ้ารอความสำเร็จนั้น

 

*********

ภาคิน รุ่งเจริญสิน (ฟีนิกซ์) – ประถมศึกษาปีที่ 4

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาการอ่านภาษาไทย (ปี 2018)

ปัจจุบันกำลังศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ ระดับ F (การบวก ลบ คูณ หารเศษส่วน และการหาค่า X)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าหนูจะเป็นนักบิน ต้องเรียนเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ!

ด้วยความประทับใจที่ได้เดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้น้องอยากเป็นนักบิน คุณลุงที่เป็นกัปตันเลยบอกน้องว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูต้องเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ”

พัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ทุกขณะ ตราบที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

คุณแม่ไม่เคยให้น้องหยุดเรียนคุมองเลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา จากเด็กป.5 ที่หารเลขไม่เป็น พลิกมาได้ที่ 1 ของห้องเพียงเพราะการฝึกฝนสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง

การอ่านออกไม่ได้หมายความว่าอ่านแล้วเข้าใจ

เมื่อเราสามารถอ่านแล้วเข้าใจ จับใจความสำคัญได้ดี ทักษะนี้สามารถนำไปบูรณาการกับกลุ่มสาระวิชาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาสังคม ประวัติศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์

พัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ทุกขณะ ตราบที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

jirayoon

 

“เพราะพัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ในทุกๆ ขณะ ตราบใดก็ตามที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นน้องจึงไม่เคยหยุดเรียนคุมองเลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา”

 

 

น้องสามารถกล่าวสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษได้ ตั้งแต่ ป. 3-ป.4 เราเลยมองหาสิ่งที่จะสามารถต่อยอดในสิ่งที่ชอบให้กับเขา ซึ่งคุมองตอบโจทย์นี้ เพราะการใช้ภาษาได้ดีจะต้องมีคลังคำศัพท์ที่มากเพียงพอเพื่อที่จะสามารถสื่อและรับสารให้ได้ประเด็น คุมองเริ่มฝึกให้น้องได้รู้จักคำศัพท์ด้วยการฟังและออกเสียงตาม เรียนรู้รูปแบบประโยคและจับใจความสำคัญ สิ่งนี้ทำให้น้องได้เพิ่มพูนทักษะทางภาษาอังกฤษอย่างมาก น้องเอมเริ่มเรียนคุมองตอน  ป.5 น้องมีความสนใจและตั้งใจทำการบ้านทุกวัน ทำให้ผลการเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในระดับแนวหน้าของโรงเรียน ขณะที่น้องมั่นใจในวิชาภาษาอังกฤษ แต่คณิตศาสตร์กลับเป็นในทางตรงกันข้าม น้องเอมไม่ชอบเอาเสียเลย แม้กระทั่งโจทย์หารง่ายๆ ยังทำไม่ได้ ซึ่งที่จริงแล้วเด็กทุกคนควรพัฒนาทักษะทั้งคณิตศาสตร์และภาษาควบคู่กันไป คุณแม่เลยอยากให้น้องได้มีโอกาสท้าทายตัวเองบ้าง เราจึงตกลงที่จะเรียนคณิตศาสตร์คุมองเพิ่มตอนป.5 เทอม 2 น้องเอมเรียน 2 วิชาควบคู่กันไป ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่ต้องให้กำลังใจเป็นพิเศษเพราะน้องกำลังทำในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ไม่ชอบไปพร้อมๆ กัน เพราะแน่นอนว่าสิ่งที่ชอบเด็กก็อยากทำ แต่สิ่งที่ไม่ชอบเขาก็มีอิดออดเป็นธรรมดา

 

 

 

คำว่า “ชอบ” ของเด็ก ที่จริงก็คือสิ่งที่เขาทำได้ดีหรือมีคนชม!

 

 

ดังนั้นทุกครั้งที่น้องทำแบบฝึกหัดเสร็จคุณแม่ก็จะชมเสมอ ชมในสิ่งที่น้องพัฒนาขึ้น เช่น ผิดน้อยลง ทำข้อที่เคยทำผิดได้ถูกต้อง สิ่งนี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กๆ แล้วการยอมรับและคำชื่นชมจากคนที่เขารักเป็นกำลังใจและแรงผลักดันที่ดีที่สุด เวลาที่น้องเอมยิ้มหน้าบานออกมาจากศูนย์แล้วบอกแม่ว่า “วันนี้หนูทำได้” คุณแม่ก็จะดีใจไปกับเขา แต่ถ้าบางวันที่เขาเดินออกมาหน้ามุ่ยแล้วบอกว่า “วันนี้ยากจัง” คุณแม่ก็จะให้กำลังใจเขา ผ่านไป 1 ปีน้องเอมมีความมั่นใจมากขึ้น เขาสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอได้เป็นลำดับที่ 9 ห้อง Gifted ซึ่งก็แน่นอนว่าคะแนนวิชาภาษาอังฤษที่ได้เกือบเต็มเป็นตัวชูโรง แต่สำหรับคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้เป็นตัวฉุดคะแนนเขา เพราะตอนจบ ป. 6 น้องเอมเรียนจบระดับ M ในวิชาภาษาอังกฤษ EFL (อ่านเนื้อเรื่องและบทความที่มีความยาว 1,000-1,100 คำ ) และเรียนจบระดับ H วิชาคณิตศาสตร์ (สมการและอสมการ)

 

 

น้องเอมเอาความรู้ภาษาอังกฤษไปใช้อะไรบ้าง?

นอกจากการเรียนที่โรงเรียนจะราบรื่นแล้ว หนูมักจะเป็นตัวแทนโรงเรียนไปสอบแข่งขันตามที่ต่างๆ เสมอ ที่น่าประทับใจคือหนูได้รับรางวัลรองชนะเลิศ Impromptu Speech ระดับม. 1 และ ม. 3 ค่ะ

 

แล้วตอนนี้ยังไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่หรือไม่?

ที่จริงตอนนี้หนูชอบคณิตศาสตร์มากกว่าภาษาอังกฤษแล้วค่ะ เพราะได้ใช้บ่อยกว่า คณิตศาสตร์มีวิธีที่เรียนรู้ได้จากตัวอย่าง และฝึกทำความเข้าใจถึงวิธีการด้วยตนเองได้ง่าย หลายเรื่องที่คุณครูไม่ได้สอนในชั้นเรียนเราก็สามารถเอาหนังสือมาศึกษาตัวอย่างและลองทำได้

 

จำได้หรือไม่ว่าเปลี่ยนมาชอบคณิตศาสตร์ตอนไหน?

จำได้ว่าตอนป. 5 คุณครูที่โรงเรียนทำโทษเพราะทำหารไม่ได้ เลยทำให้เกลียดคณิตศาสตร์มาก แต่โชคดีที่ได้มาเรียนคุมองตอนเทอม 2 เริ่มเรียนตั้งแต่เรื่องบวกเลยค่ะ แบบฝึกหัดช่วงแรกๆ เราจึงทำได้ ก็เลยยอมเรียนต่อ เรียนมาเรื่อยๆ คู่กับภาษาอังกฤษ EFL แล้วก็เริ่มรู้สึกสนใจคณิตศาสตร์มากขึ้น ไม่กลัวแล้วหนีเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ

 

จากรั้งท้ายของห้องขึ้นมาเป็นที่ 1

 

ประมาณ ม. 2 หนูสอบได้อันดับหนึ่งวิชาคณิตศาสตร์ หนูดีใจมากๆ นั่นคงเป็นจุดเปลี่ยนของหนูที่ทำให้เริ่มชอบวิชาคณิตศาสตร์มากขึ้น “เวลาที่ต้องกรอกเอกสารการเรียน ก็ภูมิใจลึกๆ ตอนเขียนเลข 4 ในช่องเกรดคณิตศาสตร์” ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะชอบคณิตศาสตร์ได้ จากที่เคยถูกคุณครูทำโทษเพราะทำไม่ได้ กลายเป็นว่าคุณครูจะบอกเพื่อนๆ ในชั้นว่า “ถ้าไม่เข้าใจก็ไปถามเอมเขานะ”  ตอนนี้เลยเป็นคนที่คอยติวให้เพื่อนๆ ด้วยค่ะ ยิ่งพอขึ้นมัธยมปลาย เห็นได้ชัดมากคือสิ่งที่เรียนจากคุมองสามารถนำไปใช้ได้จริงที่โรงเรียน เหมือนเราได้ฝึกทำแบบฝึกหัดล่วงหน้ามาแล้ว เวลาอาจารย์สอน เราก็เข้าใจหลักการได้ทันที บางครั้งที่ต้องอ่านหนังสือเรียนด้วยตนเองเพื่อเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้เรียนที่โรงเรียน เราก็สามารถศึกษาจากตัวอย่างได้สบาย ตอนนี้เรื่องที่ชอบมากที่สุดคือ แคลลูลัสและอินทิกรัล

 

“ถ้าถามว่า ม.6 แล้วทำไมยังเรียนคุมองต่ออีก คือในเมื่อเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเรียนจบระดับสุดท้ายทั้ง 2 วิชา จะช้าจะเร็วเราก็ต้องเรียนจบให้ได้ มันคือความท้าทายที่เราจะต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้มากกว่าค่ะ

 

อยากเป็นกำลังใจให้น้องๆ นะคะ โดยเฉพาะน้องๆ มัธยมที่ต้องการกำลังใจเป็นอย่างมากในการแบ่งเวลาสำหรับการเรียน กิจกรรม และการสอบ พี่เชื่อว่าเราทุกคนทำได้ค่ะ ขอให้ยึดมั่นในเป้าหมายที่วางไว้แล้วเอาชนะใจตัวเองให้ได้ เอมเข้าร่วมกิจกรรม KAP (Kumon Achiever Program) และวางแผนว่าจะเรียนจบระดับสุดท้ายภายในเดือนธันวาคม 2562 นี้ค่ะ แล้วพวกเรามาเป็น Completer ด้วยกันนะคะ

 

****

ณัฐณิชา ชัยนา (ชะเอม) – มัธยมศึกษาปีที่ 6

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL (ปี 2015)

ณ วันสัมภาษณ์    กำลังศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ ระดับ O (ระดับสุดท้าย: การประยุกต์แคลลูลัส อินทิกรัลและสมการเชิงอนุพันธ์)

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ (ปี 2020)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าหนูจะเป็นนักบิน ต้องเรียนเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ!

ด้วยความประทับใจที่ได้เดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้น้องอยากเป็นนักบิน คุณลุงที่เป็นกัปตันเลยบอกน้องว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูต้องเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ”

ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!

การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนขึ้น ป.1 เป็นสิ่งจำเป็นมาก ยิ่งเขาสามารถอ่านออกและเข้าใจเรื่องราวได้เร็วเท่าไร ยิ่งทำให้เขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การอ่านออก ไม่ได้หมายความว่าอ่านแล้วเข้าใจ

jirayoon

 

“เมื่อเราสามารถอ่านแล้วเข้าใจ จับใจความสำคัญได้ดี ทักษะนี้สามารถนำไปบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ”

 

เมื่อเริ่มขึ้นชั้นมัธยม การเรียนต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก เพราะจะมีทั้งกิจกรรมและเนื้อหาหลายวิชามากขึ้นถ้าเทียบกับระดับประถม การเรียนก็เริ่มที่จะยากขึ้น จากการที่ไม่ค่อยเข้า

ใจบทเรียน ผลสอบออกมาทำให้รู้สึกว่าภาษาไทยที่เราใช้อยู่ทุกวัน อ่านก็ออกเขียนก็ได้ แต่ทำไมผลสอบถึงออกมาไม่ดี

 

และก็ได้คำตอบ เมื่อได้มารู้จักกับ “วิชาการอ่านภาษาไทยของคุมอง” เราถึงเข้าใจว่า ที่เราอ่านออกเขียนได้นั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะรับสารได้ดี ครั้งแรกที่เข้ามาที่ศูนย์คุมอง คุณครูอธิบายให้ฟังว่าภาษาเป็นเรื่องของการสื่อสาร การสื่อสารจะสัมฤทธิ์ผลได้นั้น ผู้ส่งสารและผู้รับสารจะต้องเข้าใจตรงกัน “การอ่านออกไม่ได้หมายความว่าอ่านแล้วเข้าใจ” และเมื่อเริ่มเรียนก็พบว่า คุมองฝึกให้อ่านและจับใจความสำคัญจากประโยคที่ให้มา ซึ่งเป็นหัวใจของการสื่อสาร หลังจากเรียนไปได้ระยะหนึ่ง หนูก็พบว่าการเรียนที่โรงเรียนดีขึ้นในหลายๆ วิชา ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราสามารถอ่านแล้วเข้าใจและจับใจความสำคัญได้ดี ทำให้เรียนรู้เรื่อง เวลาสอบก็ตอบได้ ทักษะการอ่านจับใจความนี้สามารถนำไปบูรณาการกับการเรียนในกลุ่มสาระอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาสังคม ประวัติศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ ตอนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการสอบวัดความรู้นักเรียนนานาชาติหรือที่รู้จักกันในชื่อ PISA (Programme for International Student Assessment) ได้อันดับ 2 คะแนนห่างจากอันดับแรกเพียงคะแนนเดียว หนูดีใจมากๆ ซึ่งตอนนั้นเรียนวิชาการอ่านภาษาไทยอยู่ระดับ C (เรียนรู้ประโยคที่สื่อความหมายต่างๆ และอ่านเรื่องที่มีความยาว 190-220 พยางค์ ภายใน 1 นาที) เท่านั้น จากการเรียนวิชานี้ทำให้ได้รู้เรื่องราวหลากหลายที่มีอยู่ในแบบฝึกหัดคุมอง ซึ่งเนื้อหาต่างๆ ที่ได้เรียนทำให้ได้ความรู้มากมายและอยากค้นคว้า ติดตามอ่านต่อในฉบับสมบูรณ์หรือต่อยอดในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติม การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอนี้ทำให้สามารถอ่านหนังสือต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานขึ้นและมีสมาธิมากขึ้นด้วย

 

หลังจากที่เรียนจบวิชาการอ่านภาษาไทยทำให้ตนเองเป็นคนรักการอ่าน และอยากที่จะอ่านอะไรได้หลากหลายขึ้น เพราะโลกปัจจุบัน ความรู้มากมายมีให้ค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ตเลยตัดสินใจลงเรียนวิชาภาษาอังกฤษ EFL ต่อทันทีและจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ก่อนขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตอนนี้นอกจากการเรียนที่โรงเรียนจะราบรื่นเพราะเราได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษแล้ว ยังได้ศึกษาบทความและงานวิจัยที่เป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย ทำให้คิดว่าอนาคตอยากจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษแล้วค่ะ

 

*********************

ภัทรานิษฐ์ ศีลลา (ภัทร) – มัธยมศึกษาปีที่ 4

เรียนจบระดับสุดท้ายวิชาการอ่านภาษาไทย (ปี 2018) และ วิชาภาษาอังกฤษ EFL (ปี 2019)

 

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าหนูจะเป็นนักบิน ต้องเรียนเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ!

ด้วยความประทับใจที่ได้เดินทางโดยเครื่องบิน ทำให้น้องอยากเป็นนักบิน คุณลุงที่เป็นกัปตันเลยบอกน้องว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูต้องเก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษนะ”

ถ้าตัดสินใจให้หยุดเรียน คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย!

การเตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนขึ้น ป.1 เป็นสิ่งจำเป็นมาก ยิ่งเขาสามารถอ่านออกและเข้าใจเรื่องราวได้เร็วเท่าไร ยิ่งทำให้เขาสามารถเรียนรู้และพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น

พัฒนาการของลูกมีให้เห็นได้ทุกขณะ ตราบที่เขายังได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

คุณแม่ไม่เคยให้น้องหยุดเรียนคุมองเลยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา จากเด็กป.5 ที่หารเลขไม่เป็น พลิกมาได้ที่ 1 ของห้องเพียงเพราะการฝึกฝนสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง

เมื่อผมตั้งใจจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องชาย

jirayoon

ผมเข้าร่วมกิจกรรม Kumon Achiever Program (KAP) โดยวางแผนที่จะเรียนวิชาคณิตศาสตร์ให้ถึงระดับ N90 (ลำดับอนันต์) ตอนสิ้นปี และตั้งเป้าไว้ว่าจะเรียนจบระดับสุดท้ายก่อนขึ้น ม. 5 ครับ (ก่อนเมษายน 2563)

ผมเริ่มเรียนคุมองตอน ป.5 เทอมหนึ่ง ตอนเข้าไปทำแบบทดสอบวัดระดับ ผลออกมาผมต้องเริ่มต้นเรียนที่ระดับ 2A (บวกเลขหลักเดียว) หรือเนื้อหาประมาณอนุบาล 3 ตอนนั้นผมและคุณแม่ก็ตกใจเหมือนกัน ถึงผมจะเรียนอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็ไม่น่าจะเริ่มต้นต่ำขนาดนี้ แต่เมื่อคุณครูอธิบายให้เข้าใจว่า “การเรียนคุมองคือการสร้างพื้นฐานให้แน่นเพียงพอที่จะเรียนเนื้อหามัธยมปลายได้อย่างราบรื่น” ทำให้พวกเราตัดสินใจสมัครเรียน

 

เริ่มแรกก็ง่ายๆ ครับ ทำได้สบาย แต่พอเริ่มขึ้นเรื่องคูณหาร เริ่มรู้สึกว่าใช้เวลานานขึ้น และพอทำเรื่องเศษส่วนในระดับ E และ F ผมก็รู้เลยว่า การหา ค.ร.น. และ ห.ร.ม. มาจากทักษะการคูณหารล้วนๆ เพราะผมทำได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนที่จะมาเรียนคุมอง และจากการฝึกฝนทำทุกๆ วันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมมีความรับผิดชอบและเริ่มจัดการเวลาได้ดี ผลการเรียนที่โรงเรียนก็ดีขึ้น จากเดิมที่ได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 2 กว่าๆ ก็ได้วิชาคณิตศาสตร์ที่ได้เกรด 4 มาช่วย ผมเข้าใจแล้วว่าพื้นฐานนั้นมีความสำคัญอย่างไร และการฝึกฝนจนชำนาญนั้นส่งผลอย่างไร เมื่อก่อนเวลาทำข้อสอบ หลายครั้งที่เนื้อหาในข้อสอบนั้นไม่ได้ยากมาก ผมสามารถทำได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมทำไม่ทัน ซึ่งเป็นเพราะผมขาดความชำนาญนั่นเอง ถ้าผมได้เริ่มเรียนคุมองเร็วกว่านี้ก็คงดี ผมมีน้องชายซึ่งอายุห่างกัน 6 ปี ผมเลยอยากให้น้องข้าวกล้องเริ่มเรียนคุมองตั้งแต่เขายังเล็ก ข้าวกล้องเรียนคุมองหลังจากผมในปีถัดมา ตอนอนุบาล 2 น้องผมเริ่มต้นเรียนที่ระดับ 6A (ลำดับตัวเลข) เขาสนุกกับการเรียนและมีพัฒนาการที่ดี แน่นอนครับผลการเรียนที่โรงเรียนของเราทั้งสองพัฒนาขึ้นมามากจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ผมสามารถสอบเข้าเรียน ม.1 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัยได้ใน 2 ปีถัดมา

 

 

เมื่อมาเรียนในโรงเรียนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ ตารางเวลาใหม่ ผมต้องปรับตัวอย่างมาก เนื้อหาที่เรียนที่คุมองก็ยากขึ้น เพราะผมเริ่มเรียนเกินชั้นเรียนแล้ว ระดับ G (จำนวนบวกและจำนวนลบ นิพจน์พีชคณิต และสมการเชิงเส้น) ที่หลายคนบอกว่าง่ายแต่ผมกลับว่ายาก ผมใช้เวลาเกือบ 1 ปีกว่าจะเรียนจบระดับ G หลายครั้งที่แอบคิดที่จะหยุดเรียน แต่ด้วยความที่ผมช่วยคุณแม่ดูแลน้องทำการบ้านมาตลอด พอเห็นน้องข้าวกล้องพยายามทำระดับ B (บวกลบแนวตั้ง) ซึ่งเป็นเนื้อหาเกินชั้นเรียนของน้อง แล้วน้องก็เริ่มอิดออด ผมก็ต้องให้กำลังใจน้อง บอกน้องว่าสิ่งที่เขาพยายามมันมีเป้าหมายนะ เขาเก่งขึ้นใช่ไหม เอาไปใช้ที่โรงเรียนได้ด้วยใช่ไหม ฉะนั้นการเรียนคุมองมีประโยชน์ต่อข้าวกล้องใช่ไหม แล้วน้องก็ทำต่อไป แต่ทุกอย่างที่ผมสอนน้องมันย้อนกลับมาเตือนผมเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมสอนน้อง ให้กำลังใจน้อง แล้วผมล่ะจะทำอย่างไรต่อไป ความท้อแท้ที่เกิดขึ้นถ้าผมยอมแพ้และหยุดเรียน คงเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับน้องชายผมเป็นแน่ ฉะนั้นผมต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้เขา เพราะถ้าไม่ใช่ผมแล้วใครจะทำ หลังจากวันนั้นผมขอคุยกับคุณครูที่ศูนย์ว่าผมมีปัญหาอะไร มีกิจกรรมที่โรงเรียนมากในช่วงไหนบ้าง และผมควรวางแผนการเรียนอย่างไร คุณครูให้โอกาสผมได้ลองวางแผนการเรียนคุมองด้วยตนเอง ให้จัดแบบฝึกหัดเองว่าจะเรียนชุดไหน ทำซ้ำชุดไหนที่ผมยังไม่ชำนาญ โดยคุณครูจะคอยเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผมจึงสามารถผ่านระดับ G ไปได้ พอขึ้นระดับ H เรื่องสมการ ฟังก์ชันและกราฟ ผมเริ่มที่จะสนุกกับการเรียนและสามารถเรียนจบระดับ H ถึง K (เนื้อหาประมาณ ม.2-ม.4) ได้ตามแผนที่วางไว้คือก่อนจบ ม.3 จากระดับ J และ K ที่ได้ฝึกเรื่องการแยกตัวประกอบ ฟังก์ชั่น และกราฟต่างๆ ทำให้ผมเรียนต่อระดับ L ได้อย่างสบาย ผมชอบระดับนี้มาก ผมสนุกในการทำแคลคูลัส ลิมิต และ อนุพันธ์

 

เมื่อปีที่แล้ว (ม.2 เทอม2) ผมเคยลองไปสอบคณิตศาสตร์โอลิมปิกดูครับ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดี ผมได้เจอโจทย์ที่หลากหลาย มีโจทย์หลายข้อที่ลักษณะเหมือนกับที่ผมเรียนมาแล้วจากคุมอง และอีกหลายข้อที่ผมเห็นในวันนั้นเหมือนกับเนื้อหาที่ผมเรียนในระดับ M (ฟังก์ชั่นตรีโกณมิติ สมการเส้นตรง และสมการวงกลม) ในตอนนี้ ปีหน้าผมว่าผมจะไปสอบแข่งขันเพื่อหาประสบการณ์อีก ตอนนี้นอกจากช่วยสอนการบ้านน้องแล้ว ผมยังช่วยติวเพื่อนๆ ที่โรงเรียนอีกด้วย มันเป็นความภูมิใจเล็กๆ ของผมครับ เมื่อผมเห็นสีหน้าของคนที่ผมได้สอน ได้อธิบายในสิ่งที่เขาทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจ ให้เขาสามารถเข้าใจและทำได้ด้วยตนเอง รอยยิ้มของพวกเขาเหล่านั้นปรากฏขึ้นหลังจากคำอุทานเบาๆ ว่า “อ๋อ! … เข้าใจแล้ว” มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ครับ ในอนาคตผมอยากเป็นครูที่สามารถถ่ายทอดความรู้และสร้างความเข้าใจให้กับเด็กๆ

ปัจจุบันผมเรียนอยู่ระดับ M100 และด้วยกิจกรรม KAP (Kumon Achiever Program) ที่จัดขึ้นในช่วงนี้ ผมได้วางแผนร่วมกับคุณครูที่ศูนย์ว่าจะจบระดับ M และเรียนให้ถึงระดับ N90 (ลำดับอนันต์) ภายในสิ้นปีนี้ และจะเรียนจบระดับ O (อนุพันธ์ขั้นสูง การประยุกต์แคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ และสมการเชิงอนุพันธ์) ซึ่งเป็นระดับสุดท้ายก่อนเดือนเมษายนปีหน้า ผมจะเป็น Completer ก่อนขึ้น ม. 5 ครับ ส่วนน้องชายคนเก่งของผมตอนนี้อยู่ ป. 4 ทำคุมองระดับ G ระดับที่ผมเคยเบื่อที่สุด ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้น้อง และจะสนับสนุนให้เขาจบระดับสุดท้ายภายในมัธยมต้นให้ได้

 

ผมขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนที่กำลังเพียรพยายามอย่างหนัก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้นะครับ แล้วพบกันในงาน ASF 2020 ครับ (งานมอบรางวัลนักเรียนคุมองดีเด่นประจำปี 2020)

 

พี่ไตเติ้ล ปภังกร ปราณีชัย (เรียนคุมองวิชาคณิตศาสตร์ระดับ M) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าผมไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมคงไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้

ผมก็เหมือนเด็กมัธยมต้นทั่วไป การเรียนอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่ตอนสอบเข้าเรียนต่อม.4 นั่นคือจุดเปลี่ยนของผม

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

ถ้าผมไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมคงไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้

jirayoon

 

ผมก็เหมือนเด็กมัธยมต้นทั่วไป การเรียนอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร ตอนสอบเข้าเรียนต่อม.4 ผมก็สามารถสอบเข้าได้ แต่นั่นคือจุดเปลี่ยนของผมครับ ผมสอบได้ลำดับที่ 199 จาก 200!

 

พี่ชายลูกคุณลุงซึ่งเราสนิทกันถึงแม้อายุจะห่างกัน ตอนนั้นผมขึ้น ม.4 พี่เขากำลังจบเป็นเภสัชกร พี่เขาพูดขึ้นว่า “ภัทรแน่ใจหรือว่าเราอยากจะอยู่ตรงนี้ ตรงที่199” มันทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมคงต้องขอคำแนะนำจากพี่แล้ว พี่เขาช่วยหาที่เรียนพิเศษให้ชื่อว่า “คุมอง” พี่พาผมไปที่ศูนย์คุมอง คุณครูที่ศูนย์ได้อธิบายเกี่ยวกับระบบการเรียนแบบคุมองให้ฟังและผมได้ทำแบบทดสอบ ผมได้จุดเริ่มต้นอยู่ที่ระดับ 3A (การบวก1) แสดงให้เห็นว่าการเรียนที่โรงเรียนที่ผ่านมา ที่ผมคิดว่ามันยากนั้นคงเกิดจากพื้นฐานของผมเองที่มีไม่เพียงพอ คุณครูที่ศูนย์เขาถามผมว่า ผมเป็นเด็กมัธยมแล้วแน่ใจเหรอที่จะเรียน แต่ถ้าผมมีความมุ่งมั่นจริงๆ ผมสามารถเรียนทันชั้นเรียนได้แน่นอน แต่ว่าต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ ที่จริงแล้วผมก็พอรู้จักคุมองบ้าง เพราะเคยเห็นเพื่อนเก่งๆ เขาเอาแบบฝึกหัดระดับ M หรือ N ซึ่งเป็นพีชคณิตที่เราจะต้องเรียนตอนมัธยมปลายมานั่งทำที่โรงเรียน ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเก่ง คุณครูบอกว่าถ้าผมคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองและต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ ผมต้องตั้งเป้าหมายให้จบระดับสุดท้ายก่อนขึ้น ม.6 นั่นหมายความว่าผมมีเวลาไม่ถึง 2 ปีที่จะเรียนให้จบระดับสุดท้าย คุณครูวางแผนการเรียนแล้วอธิบายว่าผมสามารถที่จะเป็น Completer ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี แต่ผมจะต้องมีความเพียรพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ผมพร้อมที่จะสู้หรือไม่ คุณครูบอกผมว่า “ระบบคุมองให้โอกาสกับเด็กทุกๆ คน เพราะเป็นการเรียนเฉพาะตัว ครูก็จะเต็มที่กับเด็กทุกๆ คน ถ้าเขามีความมุ่งมั่นและเพียรพยายาม” คุณครูให้ผมกับพี่ชายกลับไปทบทวนว่าอยากจะเรียนจริงๆ หรือไม่ก่อนที่จะรับสมัคร

 

ผมตัดสินใจสมัครเรียนในวันต่อมา ผมเริ่มเรียนคุมองที่ระดับ 3A ตามจุดเริ่มต้นที่ผมได้จากการทดสอบวัดพื้นฐาน แบบฝึกหัดที่ทำคือเริ่มเรื่องบวก ผมนั่งอยู่ท่ามกลางเด็กอนุบาลและเด็กประถมซึ่งหลายคนทำเรื่องคูณหารกันแล้ว ผมกลับมามองตัวเองว่า ถ้าผมไม่ตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและไม่มุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ความรู้ของเราก็คงได้เป็นเพียงเด็กประถม ผมเริ่มทำแบบฝึกหัดจำนวนเยอะขึ้น และแน่นอนต้องมีการทำซ้ำ ซึ่งในครั้งแรกๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซ้ำ ทำไมต้องลบในจุดที่ผิดแล้วแก้ไขให้มันถูกต้อง แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมเข้าใจว่าการทำซ้ำแต่ละครั้งทำให้ผมเข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้น และการแก้ไขเฉพาะจุดที่ผิดนั้นทำให้ผมมีความระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน ผมใช้เวลา 9 เดือนจึงสามารถจบระดับ I และขึ้นระดับ J (เริ่มเนื้อหาชั้นมัธยมปลาย) ในช่วงปิดเทอม ก่อนขึ้นม.5 คุณครูให้ผมร่วมวางแผนการเรียนในช่วงปิดเทอม ผมขอทำแบบฝึกหัดมากขึ้น เนื้อหาในแบบฝึกหัดเริ่มยากขึ้นมาก เพราะผมเริ่มเรียนทันชั้นเรียนแล้ว ผมใช้เวลาฝึกทำแบบฝึกหัดเรื่องการแยกตัวประกอบ (ระดับ J) กว่า 2 เดือน ซึ่งก็ทำให้ท้อบ้างเหนื่อยบ้าง คุณครูให้กำลังใจผมแล้วก็บอกว่าถึงแม้ว่าผมจะมาเริ่มเรียนคุมองช้ากว่าคนอื่น แต่ถ้าเราค่อยๆ ทำไปอย่างต่อเนื่อง เราก็จะมีความรู้ความชำนาญเอง ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ จากเด็กที่เล่นเกมในยามว่างเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป จะเปลี่ยนมาเป็นเด็กที่มุ่งมั่นใช้เวลาในการฝึกฝนตัวเองให้มีทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ดีเยี่ยม แต่น่าแปลก บนหนทางของความยากลำบากนั้น ทักษะต่างๆ ที่ผมเริ่มสั่งสมจากการทำการบ้านคุมองทุกๆ วันทำให้ผมสามารถจัดสรรเวลาในการดูแลวิชาอื่นด้วยเช่นกัน ถึงแม้วิชาอื่นจะไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้เป็นภาระเวลาสอบเหมือนสมัยมัธยมต้น เมื่อผมเริ่มเรียนเกินชั้นเรียน เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่ผมได้เพียรพยายามมาตลอดระยะเวลา 1 ปี มันส่งผลต่อการเรียนของผมจริงๆ แน่นอนครับผมไม่ใช่ที่ 199 อีกต่อไป เมื่อผมจบระดับสุดท้ายของคุมอง (ระดับ O200) ด้วยระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ไม่ต้องพูดถึงผลการเรียนที่โรงเรียนนะครับ เพราะแน่นอนมันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมเห็นอนาคตของการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยผมเลือกคณะเภสัชเป็นอันดับ 1 เหมือนพี่ชายของผม แต่ชีวิตก็ไม่เหมือนละครใช่ไหมครับ ผมไม่ติดเภสัช แต่ผมก็ติดวิศวะซึ่งเป็นอีกวิชาหนึ่งที่ผมชอบครับ ผมคิดว่าถ้าผมได้เริ่มเรียนคุมองตั้งแต่ยังเล็กผมคงมีโอกาสที่ดีกว่านี้ และผมก็นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าผมไม่ได้เรียนคุมอง ชีวิตตอนนี้ของผมจะเป็นอย่างไรบ้าง

 

สำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย เด็กมัธยมหลายๆ คน ที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยที่มีอิสระมาก  แน่นอนว่าจะต้องพบเจอกับความยากลำบากในการเรียน การบริหารจัดการเวลาในการเรียน และการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะปี 1 แต่สำหรับผมทักษะที่ได้จากคุมองไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความรับผิดชอบและทางวิชาการ ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ต้องใช้คณิตศาสตร์อย่างมาก ทำให้ผมสามารถเรียนได้อย่างราบรื่น และมีเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับเพื่อนๆ และคณะ

 

อยากบอกน้องๆ ทุกคนว่า ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงเราได้นอกจากตัวของเราเอง อย่าคิดว่าเป็นเด็กมัธยมแล้วจะช้าเกินไป ทุกๆ คนมีโอกาส คุมองไม่เหมือนการเรียนกวดวิชา คุณจะเริ่มที่อายุเท่าไรก็ได้ เพราะคุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัวเพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีและมีเป้าหมายอย่างชัดเจน เพียงน้องๆ คิดที่จะเริ่มและมีความมุ่งมั่น จงเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมอ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลครับ

 

น้องภัทร ภัทรพงศ์ ยศบุตร (จบระดับสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ ปี 2016)

ปัจจุบัน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การทดลองเรียนฟรี! เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เริ่มเรียนคุมองจากการทดลองเรียนฟรีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่อนุบาล 3 ปัจจุบันจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ขณะเรียนอยู่ ม.3

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

jirayoon

คุณแม่เห็นการเรียนในชั้นเรียนแล้วทำให้นึกถึงคนที่กำลังให้อาหารปลา ปลาตัวไหนอ้าปากกว้างก็ได้กินมาก ปลาตัวไหนแย่งไม่ทันก็ไม่ได้กิน คุณแม่อยากให้ลูกแข่งขันกับตนเองมากกว่า คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัวที่คุณแม่เลือกให้น้องออมค่ะ

– น้องออม Complter EFL, Math F(เนื้อหาการคูณและหารเศษส่วน) ป. 5

 

ตอนน้องขึ้น ป.1 หนังสือวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เริ่มเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้คุณแม่คิดว่าน้องควรจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษได้แล้ว จึงเริ่มศึกษาข้อมูลของสถาบันต่างๆ ที่สอนภาษาอังกฤษ แล้วก็พบคุมองซึ่งมีหลักการที่ดี เป็นการเรียนเฉพาะตัว เพราะคุณแม่เองไม่เชื่อในระบบกวดวิชาที่คุณครูสอนหน้าชั้นเรียนที่มีนักเรียนหลายๆ คนเรียนอยู่ในห้องเดียว มันเหมือนเขากำลังให้อาหารปลา ปลาตัวไหนอ้าปากกว้างก็ได้มาก ปลาตัวไหนแย่งไม่ทันก็ไม่ได้กิน เราไม่อยากให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง ทำให้บรรลุตามเป้าหมายที่เราวางไว้ด้วยตนเอง เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นทักษะที่ยั่งยืนที่ลูกจะได้รับ

 

 

น้องเริ่มเรียนที่ระดับ 4A (การเขียนตัวเลขถึง 50 และ อ่านตัวเลขถึง 100) ซึ่งก็ไม่ยากเท่าไรน้องสนุกในการเรียนที่ได้ทำแบบฝึกหัดทุกๆ วัน คุณแม่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ เพราะเป็นช่วงที่เริ่มสร้างวินัยในการทำงาน คุณแม่จะคอยดูและถามไถ่น้องเสมอ ให้เขารู้สึกว่าเราเรียนไปพร้อมกับเขา รับฟังและให้กำลังใจยามที่เขาท้อแท้ การค่อยๆ ฝึกฝนแบบนี้ทีละเล็กละน้อย ทำให้น้องมีความรับผิดชอบและจัดสรรเวลาได้เองโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว น้องเริ่มเรียนเกินชั้นเรียนมากขึ้น ในขณะที่เนื้อหาในแบบฝึกหัดก็ยากขึ้นไปด้วย แต่น้องกลับมีกำลังใจในการทำมากขึ้น เพราะผลที่ได้รับจากการฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่องทำให้ผลการเรียนที่โรงเรียนดี จนเพื่อนผู้ปกครองมาถามคุณแม่ว่าน้องเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน เพราะคุณครูที่โรงเรียนบอกว่า น้องออมเก่งมาก “ถ้าเรื่องภาษาอังกฤษต้องยกให้น้องออม”

 

 

เวลาน้องพบเจอเรื่องที่ยากหรือไม่เข้าใจน้องจะมาปรึกษาคุณแม่หรือไม่ก็คุณครู ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อนนัก น้องก็จะค้นหาเองจากอินเตอร์เน็ต ตอนน้องขึ้นระดับ M (บทความภาษาอังกฤษที่มีความยาว 1,000-1,100 คำต่อเรื่อง) คุณแม่เคยถามน้องว่ายากหรือไม่ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป น้องบอกว่าต้องไปให้ถึงที่สุด ต้องจบระดับสุดท้ายให้ได้ น้องจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL และขึ้นรับรางวัล Completer ในงาน ASF ปี 2562 ที่ผ่านมา

 

น้องออมขอเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มหลังจบเป็น Completer EFL ผ่านมา 10 เดือน ตอนนี้น้องทำระดับ F (เนื้อหาการคูณและหารเศษส่วน) ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เริ่มเกินชั้นเรียน คุณแม่เชื่อว่าการเรียนแบบคุมองคือการค่อยๆ เติมน้ำลงแก้วทีละนิดๆ อย่างต่อเนื่อง ถึงน้ำจะมีระเหยไปบ้าง แต่ก็ถูกเติมให้เต็มอยู่เสมอ ซึ่งส่งผลดีมากกว่าการที่จะปล่อยให้น้ำหมดแก้วแล้วค่อยเติม ซึ่งเด็กก็จะพบความยากลำบากในการเรียน หรือการเร่งเทน้ำจำนวนมากๆ ลงไป ซึ่งอาจทำให้น้ำหกเลอะเทอะได้ สมองของเด็กก็เช่นกัน การพัฒนาเซลล์สมองด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะมีพัฒนาการดี

 

สำหรับเป้าหมายต่อไป น้องออมอยากจบระดับสุดท้ายวิชาคณิตศาสตร์ ส่วนเรื่องการสอบเข้า ม.1 คุณแม่ไม่กังวลอะไรและคิดว่าไม่ต้องพาน้องไปเรียนกวดวิชาที่ไหน เพราะน้องออมได้เตรียมตัวในทุกๆ วันอยู่แล้ว การอ่านหนังสือล่วงหน้าสะสมไว้และความมีระเบียบวินัย ทำให้เราไม่ต้องกังวลเวลาจะมีสอบหรือมีการเปลี่ยนแปลงวันเวลาสอบอย่างกระทันหัน

 

คุณแม่ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ปกครองทุกท่านนะคะ พ่อแม่ยุคนี้ต้องต้องเรียนไปพร้อมๆ กับลูกค่ะ อย่าทำให้เขารู้สึกว่าโดดเดี่ยว หรือการเรียนเป็นภาระของเขาคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบ เราในฐานะพ่อแม่ต้องอยู่เคียงข้างเขา เข้าใจเขา และให้กำลังใจ (ในสิ่งที่ถูกนะคะ) เช่นลูกเหนื่อยลูกท้อเราก็ต้องให้กำลังใจและเชียร์ให้สู้ต่อ ค่อยๆ ฝึกให้เขาเป็นคนที่อดทน เอาชนะอุปสรรค และแข่งกับตัวเองให้บรรลุเป้าหมายที่เขาวางไว้ให้ได้ แล้วลูกเราก็จะสัมผัสได้ถึงความสำเร็จที่ได้มาด้วยความเพียรพยายามของตนเอง

 

 

คุณแม่น้องออม

น้องออม ฐิติรัตน์  อินทรชัย  จบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL (ปี 2019 / ป.5)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ถ้าผมไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมคงไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้

ผมก็เหมือนเด็กมัธยมต้นทั่วไป การเรียนอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่ตอนสอบเข้าเรียนต่อม.4 นั่นคือจุดเปลี่ยนของผม

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

การทดลองเรียนฟรี! เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เริ่มเรียนคุมองจากการทดลองเรียนฟรีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่อนุบาล 3 ปัจจุบันจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ขณะเรียนอยู่ ม.3

ศักยภาพของลูก ควรเริ่มสร้างเมื่อเขายังเล็ก

jirayoon

วันที่น้องไอเดียมาบอกว่า “หนูจบระดับสุดท้ายของคุมองตามที่วางเป้าหมายไว้แล้วนะแม่!” ทำให้เรารู้เลยว่าที่ผ่านมาเราตัดสินใจไม่ผิด

 

คุณแม่เป็นคนเลือกให้น้องเรียนคุมองตั้งแต่ยังเล็ก น้องเริ่มเรียนตอน อ.2 เพราะคุณแม่เชื่อว่าเราสร้างวินัยและทัศนคติที่ดีให้เขาได้ง่ายกว่าตอนโต สำหรับเด็กเล็กแล้ว พ่อแม่มีผลต่อการสร้างนิสัยของเขาเป็นอย่างยิ่ง คุณแม่เองให้ความสำคัญกับการแบ่งเวลาและทำสิ่งต่างๆ ให้เป็นกิจวัตร เมื่อน้องทำได้ ก็จะไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ

 

เมื่อเริ่มแรกที่พาน้องมาเรียนคุมอง ก็จะบอกเขาว่าเรามาหากิจกรรมอะไรสนุกๆ ทำกัน น้องไอเดียเริ่มเรียนคุมองวิชาคณิตศาสตร์ระดับ 7A ซึ่งคุณแม่ก็จะช่วยจัดสรรเวลาให้เขาทำการบ้านทุกวัน ฝึกตามที่คุณครูคุมองแนะนำ เขาก็สนุกไปกับการเรียนจนเริ่มการบวก เราเห็นพัฒนาการในการทำงานของเขาตลอดมา แน่นอนว่าความเป็นเด็ก ก็มีเหนื่อยบ้าง เบื่อบ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เราในฐานะพ่อแม่ก็จะอยู่เคียงข้างเขาและดูว่าในช่วงเวลาต่างๆ นั้นเขาต้องการอะไร เมื่อเขาทำได้ดี เราก็ทำหน้าที่เป็นกองเชียร์ให้เขาก้าวต่อไป ในช่วงที่เขาพบความยากลำบาก เราก็ต้องให้กำลังใจเขา ยิ่งช่วงระดับ D-E (การหารและเศษส่วน) ซึ่งยากสำหรับเขาที่เรียนเกินชั้นเรียนแล้ว คุณแม่เลยคุยกับเขาว่า

หนูจำรูปบนบอร์ดที่ศูนย์คุมองได้มั้ยว่าเป้าหมายที่เราวางไว้คือธงบนยอดเขา และหนูบอกว่าหนูอยากไปให้ถึง หนูจะจบระดับสุดท้ายให้ได้ แน่นอนว่าระหว่างทางมันมีอุปสรรคมากมาย มีแม่น้ำมาขวางกัน เราก็ต้องว่ายข้ามไปให้ได้ ตอนนี้หนูว่ายมาถึงกลางแม่น้ำแล้ว อาจจะมีจระเข้ไล่ตามมาข้างหลัง ถ้าเราหยุด เราก็จะไปไม่ถึงจุดหมาย สู้อีกนิด หนูก็จะขึ้นฝั่งได้แล้ว…”

 

เมื่อน้องเริ่มเรียนเกินชั้นเรียนมากขึ้น และสามารถนำสิ่งที่ได้จากคุมองไปปรับใช้กับการเรียนที่โรงเรียน ทำให้น้องมีความมั่นใจและเห็นถึงประโยชน์ในการเรียนคุมอง ซึ่งคุณแม่ก็ได้เห็นพัฒนาการของน้องว่าเขาเติบโตขึ้นมีทักษะต่างๆ มากขึ้น เขาสามารถจัดการกับการบ้านและกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้คุณแม่แค่เป็นผู้รับฟังและคอยให้กำลังใจเขาเท่านั้น

 

ตอนนี้น้องเรียนคุมองจบระดับสุดท้ายทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษก่อนที่จะขึ้นไปเรียนชั้นมัธยมปลายตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว สำหรับการเรียนที่โรงเรียน น้องได้รับสิทธิพิเศษเป็น 1 ใน 20 คนที่สามารถศึกษาต่อ ม.4 สายวิทย์ได้โดยไม่ต้องสอบ คุณแม่เห็นเขามีเป้าหมายที่จะเรียนต่อด้านไหน จะเป็นอะไร และสนุกสนานกับกิจกรรมการเต้นที่เขาชื่นชอบ ทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก และยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เราเลือกให้เขานั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

 

อยากจะบอกผู้ปกครองท่านอื่นๆ ว่า การให้ลูกเริ่มเรียนตั้งแต่ยังเล็กนั้นจะทำให้เขามีทักษะในการดำเนินชีวิตที่ดี ยิ่งเริ่มเรียนเร็วเท่าไรยิ่งดี เพราะเมื่อเขายังเล็ก พ่อแม่จะมีอิทธิพลอย่างยิ่งสำหรับเขา ถ้าเราสามารถสร้างให้เขามีความรับผิดชอบ มีวินัย และทำทุกอย่างเป็นกิจวัตรได้ตั้งแต่ยังเล็ก ลูกของเราก็จะมีทักษะในการดำรงชีวิตและเข้มแข็งเพียงพอที่จะสามารถรับมือกับสิ่งเร้ามากมายในโลกปัจจุบัน เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคและบรรลุเป้าหมายดังความตั้งใจได้สำเร็จ

 

คุณแม่น้องไอเดีย

ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์น้องไอเดีย ได้ที่ วารสาร Potential ฉบับ Jul-Dec 2019, หน้า 4-5

https://th.kumonglobal.com/spotlight/enewsletter/

******

น้องไอเดีย จบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ (ปี 2017 / ม.2) และ คณิตศาสตร์ (ปี 2019 / ม.4)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

การทดลองเรียนฟรี! เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เริ่มเรียนคุมองจากการทดลองเรียนฟรีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่อนุบาล 3 ปัจจุบันจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ขณะเรียนอยู่ ม.3

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

คุณแม่เห็นการเรียนในชั้นเรียนแล้วนึกถึงคนให้อาหารปลา ปลาตัวไหนอ้าปากกว้างก็ได้กินมาก ตัวไหนแย่งไม่ทันก็ไม่ได้กิน…

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก แต่ขอให้ฝึกทุกวัน

jirayoon

 

น้องไตเติ้ล เริ่มเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และการอ่านภาษาไทยของคุมองตอน 4 ขวบ ตอนนี้น้อง 10 ขวบ เรียนคณิตศาสตร์ระดับ K ภาษาอังกฤษ EFL ระดับ N และการอ่านภาษาไทย I II

 

คุณแม่รู้จักคุมองตอนเป็นครูอนุบาล ด้วยระบบและหลักการของคุมองโดนใจเรามาก เพราะเราเชื่อในการฝึกฝนและหมั่นเพียร คุณแม่เลยตั้งใจว่าถ้าเราแต่งงาน มีลูก จะให้เรียนคุมอง

 

ประโยชน์ที่น้องได้รับเริ่มแรกก็คือวินัยและความรับผิดชอบ เขารู้จักแบ่งเวลาในการทำงานของตนเอง ทั้งเรื่องการเรียนและเล่น ซึ่งน้องชอบฟุตบอลเป็นพิเศษ สำหรับพวกเราผู้ปกครองการให้ลูกเริ่มเรียนคุมองตั้งแต่ยังเล็กอาจจะดูลำบากเล็กน้อยกับความงอแงของเด็กๆ แต่คุณแม่คิดว่าการสร้างวินัยตั้งแต่วัยเยาว์มันง่ายกว่า และเมื่อเขาเห็นประโยชน์แล้วเขาก็จะมีความมุ่งมั่นและเป้าหมายเอง

 

เดิมทีเดียวน้องชอบคณิตศาสตร์ เพราะว่าเห็นผลได้ชัดจากการเรียน น้องสามารถคิดเลขได้เร็วจนเป็นตัวแทนโรงเรียนในการแข่งขันหลากหลายรายการ แต่สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนของน้องคือวันที่เขาเป็นตัวแทนแข่งขัน “เศรษฐศาสตร์เพชรยอดมงกุฎ” น้องกลับมาบอกคุณแม่ว่า ภาษาไทยคุมองทำให้หนูได้รางวัลนี้ น้องเล่าว่าข้อสอบเป็นการอ่านแล้วให้สรุปเพื่อตอบคำถาม คุณแม่เลยถามเขาว่าหมายความว่าอย่างไร น้องบอกว่าถ้าเราอ่านโจทย์แล้วเข้าใจ เราก็สรุปความมาตอบคำถามได้ไม่ยาก สิ่งนี้เองที่ทำให้น้องเรียนได้ดีในทุกๆ วิชา เพราะว่าเขาสามารถทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรียนได้

 

หลายๆ เรื่องในแบบฝึกหัดภาษาไทยและภาษาอังกฤษ EFL ที่น้องได้อ่านแล้วเขาเล่าว่าได้เรียนอีกครั้งในห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขุนช้างขุนแผน (ระดับ I I) หรือ Helen Keller (ระดับ K) ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักเขียนและนักมนุษยธรรมชาวอเมริกันผู้พิการทั้งตาบอดและหูหนวกตั้งแต่อายุ 19 เดือน เรื่อง Goal (ระดับ N) เกี่ยวกับฟุตบอลที่น้องชอบ คุณแม่ว่าการอ่านทำให้น้องได้รับประสบการณ์ดีๆ จากสิ่งที่อ่าน น้องเริ่มรักการอ่าน และศึกษาค้นหาสิ่งที่ตนเองอยากรู้เพิ่มเติมจากโลกอินเตอร์เน็ต อย่างปีนี้น้องจะได้เข้าร่วม Math Camp (IKMC) ที่ประเทศอังกฤษ น้องเขาก็ค้นหาเองว่าที่อังกฤษมีอะไรน่าสนใจ เขาอยากไป Stonehenge

 

น้องมีความสุขกับทั้งการเรียน และการเล่นฟุตบอล น้องจะไปซ้อมทุกวันเสาร์ตลอด 4 ปี จากเด็กที่เตะฟุตบอลอยู่ในซอยที่บ้าน ได้เรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนได้รวมทีมแข่งขันต่างๆ เช่น SKLX Thai Junior League และได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอล “นครนนท์คัพ” และก็ยังคงสนุกกับการเข้าร่วมแข่งขันคณิตศาสตร์ทุกครั้งที่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียน ที่ผ่านมาน้องทำให้คุณแม่ได้เห็นว่า เมื่อเด็กสามารถสร้างวินัยให้กับตนเองได้ เขาก็จะสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ รอบตัวได้เป็นอย่างดี น้องจะมีความสุขกับการเล่นและการเรียนไปพร้อมๆ กัน ทั้งสองสิ่งเกิดจากการฝึกฝนและทำเป็นประจำ น้องทำคุมองทุกวัน ในบางช่วงที่มีสอบ มีแข่งฟุตบอล ก็จะคุยกับคุณครูในการลดจำนวนแบบฝึกหัดในช่วงนั้น นี่เป็นจุดเด่นของคุมองเลยก็ว่าได้เพราะการเรียนคุมองเป็นการเรียนที่สามารถปรับตามปัจจัยของเด็กแต่ละคน คุณแม่เชื่อว่าการฝึกฝนทุกวันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ความเก่งไม่ได้มีมาแต่เกิด แต่ความยอดเยี่ยมได้มาจากการฝึกฝน

 

 

ยว่าจะจบระดับสุดท้ายวิชาการอ่านภาษาไทยคุมองและจะเข้ารับรางวัล Completer ในปีหน้า

 

คุณแม่ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะคะ และขอยืนยันอีกครั้งว่าการฝึกฝนทุกๆ วันเป็นสิ่งสำคัญ จะทำมากหรือจะน้อย เราสามารถปรึกษาคุณครูเพื่อปรับจำนวนแบบฝึกหัดให้ลูกได้ ความสำเร็จของลูกเรา เราสามารถช่วยเขาวางแผนให้บรรลุเป้าหมายได้แน่นอนค่ะ

 

 

 

คุณแม่น้องไตเติ้ล

ไตเติ้ล ดช. จิรัฏฐ์ สุขสวัสดิ์

รางวัลเรียนเกินชั้นเรียน 5 ชั้นปีขึ้นไป 3 วิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ EFL และ วิชาการอ่านภาษาไทย ปี 2562

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

ถ้าผมไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมคงไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้

ผมก็เหมือนเด็กมัธยมต้นทั่วไป การเรียนอยู่ระดับปานกลาง ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่ตอนสอบเข้าเรียนต่อม.4 นั่นคือจุดเปลี่ยนของผม

ศักยภาพของลูก ควรเริ่มสร้างเมื่อเขายังเล็ก

วันที่น้องไอเดียบอกว่า “หนูจบระดับสุดท้ายของคุมองตามที่วางเป้าหมายไว้แล้วนะแม่!” ทำให้เรารู้เลยว่าที่ผ่านมาเราตัดสินใจไม่ผิด

การทดลองเรียนฟรี! เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

jirayoon

เริ่มเรียนคุมองจากการทดลองเรียนฟรีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่อนุบาล 3 ปัจจุบันจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL ขณะเรียนอยู่ ม.3

รู้จักคุมอง จาก “การทดลองเรียนฟรี” ค่ะ หนูเห็นโฆษณาก็เลยไปคุยกับคุณแม่ว่าอยากเรียน เริ่มเรียนวิชาคณิตศาสตร์ก่อน ตอนนั้นน่าจะอยู่ประมาณอนุบาล 3 ค่ะ เรียนมาได้สักระยะหนึ่งพอจะขึ้นป.1 ก็ได้ทดลองเรียนวิชาภาษาอังกฤษอีกวิชาหนึ่ง การทดลองเรียนเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สนุกกับเนื้อหาและเรื่องราวที่ได้อ่านในแบบฝึกหัด การทำการบ้านทุกวันฝึกให้เรามีระเบียบวินัยที่ดี ถ้าอาทิตย์หนึ่งเราสามารถแบ่งเวลาได้ว่าเราจะจัดการกับงานของเราอย่างไร การบ้านคุมอง การบ้านที่โรงเรียน การอ่านหนังสือ และกิจกรรมอื่นๆ การเริ่มเรียนคุมองตั้งแต่ยังเล็กทำให้หนูได้ฝึกฝนในส่วนนี้ จนสามารถบริหารจัดการเวลาได้ แน่นอนว่าในบางครั้งก็มีขี้เกียจบ้าง แต่เราก็สามารถกลับมาฮึดสู้ได้เช่นกัน พอเรียนเกินชั้นเรียนเนื้อหาก็ยากมากขึ้น แต่เราสามารถศึกษาและลองทำด้วยตนเองก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จะปรึกษาคุณครู หรือค้นหาเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ตบ้าง

ในทุกๆ ครั้งที่สอบจบระดับคุมอง ทำให้เราได้ฝึกฝนและทบทวนเนื้อหาก่อนที่จะก้าวไปในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นการเรียนเกินชั้นเรียนทำให้เราได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหนูเลยค่ะ ช่วงที่ท้อเวลาขึ้นระดับสูงๆ หรือเจอเนื้อหาที่ยากเราก็จะกลับมาทบทวนในสิ่งที่เรียนมาแล้วลองทำด้วยตัวเองอีกครั้ง ซึ่งวิธีการเช่นนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกๆ เรื่อง การที่เราสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้เราสามารถเรียนก้าวหน้าไปได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ตอนนี้หนูเรียนจบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษขณะอยู่ ม.3 ค่ะ

ในอนาคตเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว อยากกลับมาต่อยอดธุรกิจของครอบครัวค่ะ อาจจะเป็นบริษัทรับจัดงาน (organizer) อะไรทำนองนั้น สิ่งที่เราได้รับการฝึกฝนมาทำให้เราเป็นคนที่มีระบบ ระเบียบ และสามารถบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ได้ดี

ฝากเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่เรียนคุมองอยู่ทุกคนนะคะ “เยาวชนที่ดีต้องมีความตั้งใจที่แน่วแน่ มีเป้าหมาย มีวินัย มีการเรียนรู้อยู่อย่างสม่ำเสมอค่ะ”

 

ณิชา ไซโต, จบระดับสุดท้ายวิชาภาษาอังกฤษ EFL (ปี 2019 / ม.3)

อ่านเรื่องราวความประทับใจอื่นๆ ได้ที่นี่

ศักยภาพของลูก ควรเริ่มสร้างเมื่อเขายังเล็ก

วันที่น้องไอเดียบอกว่า “หนูจบระดับสุดท้ายของคุมองตามที่วางเป้าหมายไว้แล้วนะแม่!” ทำให้เรารู้เลยว่าที่ผ่านมาเราตัดสินใจไม่ผิด

การฝึกฝนทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!

คุมองเป็นการเรียนเฉพาะตัว ไม่ต้องแข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง

ด้วยความเป็นคุณครูอนุบาล เราพบเสมอว่าพอเปิดเทอมลูกศิษย์ส่วนใหญ่จะลืมสิ่งที่ได้เรียนไปเมื่อเทอมก่อน เด็กนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็จะลืม!